ประกาศนโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Privacy Policy) บริษัท พรีโมเวิร์ล จำกัด และบริษัท สปอทออน แลบบอราทอรีส์จำกัด

บริษัท พรีโมเวิร์ล จำกัด และ บริษัท สปอทออนแลบบอราทอรีส์ จำกัด (“บริษัท”) ให้ความสำคัญกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลบริษัทจึงจัดให้มีประกาศนโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้ เพื่อให้ท่านได้รับทราบถึงนโยบายของบริษัทเกี่ยวกับการเก็บรวบรวมการใช้ และการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล รวมถึงสิทธิต่างๆ ของท่านตามกฎหมาย โดยประกาศนโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้จะใช้สำหรับบุคคลดังต่อไปนี้

1)     บุคคลธรรมดาที่เป็นลูกค้าของบริษัทเช่น ผู้ที่ใช้หรือเคยใช้ผลิตภัณฑ์หรือบริการต่างๆ ของบริษัท,ผู้ที่ได้ติดต่อสอบถาม หรือได้รับการเสนอข้อมูลผลิตภัณฑ์หรือบริการต่างๆ ของบริษัท

2)     บุคคลธรรมดาที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินธุรกิจของบริษัทเช่น คู่ค้า, ผู้ติดต่อ, ผู้ถือหุ้น, กรรมการ, พนักงาน

3)    บุคคลธรรมดาที่เกี่ยวข้องกับนิติบุคคลที่เป็นลูกค้าหรือมีความเกี่ยวข้องกับการดำเนินธุรกิจของบริษัทเช่น ผู้ถือหุ้น, กรรมการ, พนักงาน,ผู้ที่ได้รับมอบหมาย ของนิติบุคคลที่เป็นลูกค้าหรือมีความเกี่ยวข้องกับการดำเนินธุรกิจของบริษัท

1.     ช่องทางในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัทอาจเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลผ่านช่องทางดังต่อไปนี้

1)     ข้อมูลส่วนบุคคลที่ให้ไว้แก่บริษัทโดยตรงหรือให้ผ่านบริษัท หรือมีอยู่กับบริษัททั้งที่เกิดจากการใช้ผลิตภัณฑ์ และ / หรือบริการ ติดต่อ เยี่ยมชม เข้าร่วมกิจกรรม ค้นหา ผ่านช่องทางให้บริการ และ / หรือช่องทางการติดต่อต่าง ๆ ของบริษัท เช่น สำนักงาน เว็บไซต์ แอปพลิเคชันบัญชีสื่อสังคมออนไลน์ของบริษัท จดหมายอิเล็กทรอนิกส์ โทรศัพท์ ไปรษณีย์ ข้อความสั้น(SMS) แบบสอบถาม นามบัตร การประชุม อบรม สัมมนา งานอีเว้นท์กิจกรรมส่งเสริมทางการตลาด การพบปะ หรือช่องทางอื่นใด

2)     ข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทได้รับหรือเข้าถึงได้จากแหล่งอื่นเช่น บริษัทอื่นในกลุ่มธุรกิจของบริษัท พันธมิตรทางธุรกิจและผู้ให้บริการของพันธมิตรทางธุรกิจบริษัทที่ร่วมออกผลิตภัณฑ์ และ / หรือ บริการกับบริษัท ผู้ให้บริการข้อมูลลูกค้าของบริษัท บุคคลหรือนิติบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินธุรกิจของบริษัทสื่อสังคมออนไลน์ แพลตฟอร์มออนไลน์ของบุคคลภายนอก แหล่งข้อมูลสาธารณะผู้มีอำนาจหรือมีสิทธิตามกฎหมาย บุคคลหรือหน่วยงานอื่นใดที่บริษัทมีปฏิสัมพันธ์ด้วยเป็นต้น

2.     ประเภทข้อมูลส่วนบุคคลที่เก็บรวบรวม

บริษัทอาจเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลดังต่อไปนี้

1)    ข้อมูลส่วนตัวเช่น ชื่อ นามสกุล เพศ วันเดือนปีเกิด อายุ สถานภาพสมรส จำนวนสมาชิกในครอบครัว สัญชาติลายมือชื่อ ข้อมูลบนเอกสารที่ออกโดยหน่วยงานราชการ (เช่น สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนสำเนาทะเบียนบ้าน สำเนาใบเปลี่ยนชื่อหรือเอกสารที่ใช้ในการระบุและยืนยันตัวตนที่มีลักษณะเดียวกัน)

2)    ข้อมูลเพื่อการติดต่อเช่น ที่อยู่ตามเอกสารสำคัญ ที่อยู่อาศัยปัจจุบัน หมายเลขโทรศัพท์หมายเลขโทรศัพท์เคลื่อนที่ อีเมล ชื่อหรือบัญชีเข้าใช้งานสำหรับการติดต่อสื่อสารทางอิเล็กทรอนิกส์หรือสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ

3)     ข้อมูลการศึกษาและการทำงานเช่น ระดับการศึกษา อาชีพและสาขาอาชีพ

4)    ข้อมูลที่ปรากฏในเอกสารประกอบการทำธุรกรรมเช่น หนังสือรับรองบริษัท หนังสือจดทะเบียนพาณิชย์ หนังสือมอบอำนาจ

5)     ข้อมูลทางการเงินเช่น เลขที่บัญชีธนาคาร ข้อมูลรายได้

6)     ข้อมูลทางเทคนิคอุปกรณ์หรือเครื่องมือ เช่น หมายเลขประจำเครื่องคอมพิวเตอร์ (IP address หรือ Mac address) คุกกี้ (Cookies ID) ล็อก (Log) ค่าเขตเวลา (Time zone)และสถานที่ตั้ง (Location Data)

7)    ข้อมูลอื่นๆเช่น บันทึกการสื่อสารโต้ตอบ รายละเอียดเรื่องร้องเรียน คำขอใช้สิทธิต่างๆผลประเมินการสำรวจความคิดเห็น ข้อมูลการลงทะเบียนเข้าร่วมกิจกรรม บันทึกเสียงภาพถ่าย ภาพเคลื่อนไหว คลิปบันทึกเสียง ภาพนิ่งหรือภาพเคลื่อนไหวจากกล้องโทรทัศน์วงจรปิด (CCTV)

บริษัทไม่มีเจตนาที่จะเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหว (Sensitive Personal Data) ซึ่งหมายถึง ข้อมูลส่วนบุคคลที่กฎหมายกำหนดเป็นการเฉพาะเว้นแต่บริษัทได้รับความยินยอมโดยชัดแจ้งจากท่านหรือมีความจำเป็นตามกรณีที่กฎหมายอนุญาต โดยจะดำเนินการเป็นคราวๆ ไป

บริษัทไม่มีเจตนาที่จะเก็บรวบรวม ใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของผู้เยาว์ คนไร้ความสามารถ หรือคนเสมือนไร้ความสามารถเว้นแต่บริษัทจะได้รับความยินยอมจากผู้ใช้อำนาจปกครอง ผู้อนุบาล ผู้พิทักษ์หรือการใดๆ ซึ่งผู้เยาว์อาจให้ความยินยอมโดยลำพังได้ตามกฎหมาย (แล้วแต่กรณี) และ /หรือดำเนินการภายใต้ฐานทางกฎหมายอื่นๆ

3.     วัตถุประสงค์ในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัทจะเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อการปฏิบัติตามสัญญาเพื่อปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย เพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายเพื่อดำเนินการตามความยินยอม หรือ เพื่อดำเนินการภายใต้ฐานทางกฎหมายอื่นๆโดยมีวัตถุประสงค์ดังต่อไปนี้

1)     เพื่อสร้างและจัดการบัญชีผู้ใช้งาน

2)     เพื่อจัดส่งผลิตภัณฑ์สินค้า หรือ บริการ

3)     เพื่อปรับปรุงผลิตภัณฑ์สินค้า บริการ หรือประสบการณ์การใช้งาน

4)     เพื่อการบริหารจัดการภายในของบริษัท

5)     เพื่อการตลาดและการส่งเสริมการขาย

6)     เพื่อการบริการหลังการขาย

7)     เพื่อรวบรวมข้อเสนอแนะ

8)     เพื่อชำระค่าผลิตภัณฑ์สินค้า หรือบริการ

9)     เพื่อปฏิบัติตามข้อตกลงและเงื่อนไข

10)  เพื่อการรักษาความปลอดภัย

11)  เพื่อปฏิบัติตามกฎหมายและกฎระเบียบของหน่วยงานราชการ

 4.     การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัทอาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลภายใต้ความยินยอมของท่านหรือภายใต้หลักเกณฑ์ที่กฎหมายอนุญาตให้เปิดเผยได้ แก่ผู้รับข้อมูลส่วนบุคคลดังต่อไปนี้

1)     บริษัทอื่นในกลุ่มธุรกิจของบริษัท

2)    ผู้ให้บริการของบริษัทเช่น ผู้ให้บริการเครือข่ายสัญญาณโทรศัพท์และบริการนำส่งข้อความ (SMS) ผู้ให้บริการ Cloud Computing ผู้ให้บริการเพื่อการทำการตลาดผู้ให้บริการสื่อสังคมออนไลน์ ผู้ให้บริการช่องทางการรับชำระเงิน โรงพิมพ์หรือผู้ให้บริการสิ่งพิมพ์ผู้ให้บริการจัดส่งเอกสารหรือพัสดุ

3)     พันธมิตรทางธุรกิจของบริษัท

4)     ที่ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ หรือผู้ตรวจสอบ เช่น ผู้สอบบัญชี ผู้ตรวจสอบภายนอก ที่ปรึกษาด้านกฎหมาย

5)     ผู้รับโอนสิทธิหรือผู้สนใจจะเข้ารับโอนสิทธิของบริษัท

6)     บุคคลตามที่กฎหมายกำหนดเช่น หน่วยงานราชการ

5.     การส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลไปยังต่างประเทศ

บริษัทอาจส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลไปยังบุคคล องค์กรที่ตั้งอยู่ในต่างประเทศ เช่น การส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลไปเก็บไว้บนแพลตฟอร์มคลาวด์หรือเซิร์ฟเวอร์ที่ตั้งอยู่ในต่างประเทศโดยบริษัทจะดำเนินการตามมาตรการต่างๆเพื่อให้มั่นใจว่าการโอนข้อมูลไปยังประเทศปลายทางนั้นมีมาตรฐานการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลอย่างเพียงพอตามที่กฎหมายกำหนด

6.     การใช้งานคุกกี้หรือเทคโนโลยีที่คล้ายคลึงกัน

บริษัทอาจเก็บรวบรวม และใช้งานคุกกี้หรือเทคโนโลยีที่คล้ายคลึงกัน เมื่อมีการใช้งานเว็บไซต์ หรือแอปพลิเคชันของบริษัท เพื่อปรับปรุงและพัฒนาประสิทธิภาพการทำงานและประสบการณ์การใช้งานของเว็บไซต์ หรือ แอปพลิเคชันของบริษัทให้ตอบสนองต่อความต้องการและการใช้งานของท่าน

7.     ระยะเวลาจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัทจะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านในระหว่างที่มีความสัมพันธ์อยู่กับบริษัทหรือตามระยะเวลาที่จำเป็น เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ที่เกี่ยวข้องในนโยบายฉบับนี้โดยบริษัทจะลบ หรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลหรือทำให้เป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวตนได้ เมื่อหมดความจำเป็นหรือสิ้นสุดระยะเวลาดังกล่าว

8.     การรักษาความมั่นคงปลอดภัยข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัทจะรักษาความมั่นคงปลอดภัยข้อมูลส่วนบุคคลไว้ตามหลักการการรักษาความลับ (confidentiality) ความถูกต้องครบถ้วน (integrity) และสภาพพร้อมใช้งาน (availability) เพื่อป้องกันการสูญหายเข้าถึง ใช้ เปลี่ยนแปลง แก้ไข หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลโดยมิชอบ ด้วยการจัดให้มีมาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลที่เหมาะสมซึ่งครอบคลุมถึงมาตรการป้องกันด้านการบริหารจัดการ (administrative safeguard) มาตรการป้องกันด้านเทคนิค (technical safeguard) และมาตรการป้องกันทางกายภาพ (physical safeguard) ในเรื่องการเข้าถึงหรือควบคุมการใช้งานข้อมูลส่วนบุคคล (access control)

9.     สิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล

ภายใต้กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีสิทธิในการดำเนินการดังต่อไปนี้

1)     สิทธิขอถอนความยินยอม หากท่านได้ให้ความยินยอมไว้

2)    สิทธิขอเข้าถึงข้อมูล ท่านมีสิทธิขอเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่อยู่ในความรับผิดชอบของบริษัท และขอให้ทำสำเนาข้อมูลดังกล่าวให้แก่ท่าน  รวมถึงขอให้เปิดเผยการได้มาซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลของท่านได้

3)    สิทธิขอถ่ายโอนข้อมูล ท่านมีสิทธิขอรับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านในกรณีที่บริษัทได้จัดทำข้อมูลส่วนบุคคลนั้นอยู่ในรูปแบบให้สามารถอ่านหรือใช้งานได้ด้วยเครื่องมือหรืออุปกรณ์ที่ทำงานได้โดยอัตโนมัติและสามารถใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลได้ด้วยวิธีการอัตโนมัติรวมทั้งมีสิทธิขอให้บริษัทส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลในรูปแบบดังกล่าวไปยังผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลอื่นเมื่อสามารถทำได้ด้วยวิธีการอัตโนมัติและมีสิทธิขอรับข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลในรูปแบบดังกล่าวไปยังผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลอื่นโดยตรงเว้นแต่ไม่สามารถดำเนินการได้เพราะเหตุทางเทคนิค

4)     สิทธิขอคัดค้าน ท่านมีสิทธิขอคัดค้านการเก็บรวบรวมใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน

5)     สิทธิขอให้ลบหรือทำลายข้อมูล ท่านมีสิทธิขอลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวท่านได้หากท่านเชื่อว่าข้อมูลส่วนบุคคลของท่านถูกเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายที่เกี่ยวข้องหรือเห็นว่าบริษัทหมดความจำเป็นในการเก็บรักษาไว้ตามวัตถุประสงค์ที่เกี่ยวข้องในนโยบายฉบับนี้หรือเมื่อท่านได้ใช้สิทธิขอถอนความยินยอมหรือใช้สิทธิขอคัดค้านตามที่แจ้งไว้ข้างต้นแล้ว

6)    สิทธิขอให้ระงับการใช้ข้อมูล ท่านมีสิทธิขอให้ระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลชั่วคราวในกรณีที่บริษัทอยู่ระหว่างตรวจสอบตามคำร้องขอใช้สิทธิขอแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลหรือขอคัดค้านของท่าน หรือกรณีอื่นใดที่บริษัทหมดความจำเป็นและต้องลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลของท่านตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องแต่ท่านขอให้บริษัทระงับการใช้แทน

7)    สิทธิขอให้แก้ไขข้อมูล ท่านมีสิทธิขอแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้ถูกต้อง เป็นปัจจุบัน สมบูรณ์และไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด

8)    สิทธิร้องเรียน ท่านมีสิทธิร้องเรียนต่อผู้มีอำนาจตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง หากท่านเชื่อว่าการเก็บรวบรวมใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเป็นการกระทำในลักษณะที่ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง

10.  การแก้ไขเปลี่ยนแปลงประกาศนโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัทอาจแก้ไขเปลี่ยนแปลงนโยบายนี้เป็นครั้งคราวโดยสามารถทราบข้อกำหนดและเงื่อนไขนโยบายที่มีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงนี้ได้ผ่านทางเว็บไซต์ของบริษัท

11.  ช่องทางการติดต่อเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

สามารถติดต่อสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับประกาศนโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลรวมถึงการขอใช้สิทธิต่างๆ ได้ที่

เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัท พรีโมเวิร์ล จำกัด

34 ชั้นที่ 2 ซอยพิพัฒน์ถนนสีลม  สีลม  บางรัก กรุงเทพมหานคร  10500

อีเมล dpo.office@primo.mobi

ประกาศนโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Privacy Policy)

สำหรับผู้สมัครงานและบุคลากรของ

บริษัท พรีโมเวิร์ล จำกัด และบริษัท สปอทออน แลบบอราทอรีส์จำกัด

 

บริษัท พรีโมเวิร์ล จำกัด และ บริษัท สปอทออนแลบบอราทอรีส์ จำกัด (“บริษัท”) ให้ความสำคัญกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลบริษัทจึงจัดให้มีประกาศนโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้ เพื่อให้ท่านได้รับทราบถึงนโยบายของบริษัทเกี่ยวกับการเก็บรวบรวมการใช้ และการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล รวมถึงสิทธิต่างๆ ของท่านตามกฎหมาย โดยประกาศนโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้จะใช้สำหรับบุคคลดังต่อไปนี้

1)     ผู้สมัครงานและบุคคลากรของบริษัทเช่น ผู้สมัครงาน พนักงาน ลูกจ้าง นักศึกษาฝึกงาน กรรมการ ที่ปรึกษา วิทยากร

2)     ผู้เกี่ยวข้องกับผู้สมัครงานและบุคคลากรของบริษัทเช่น บุคคลในครอบครัว ผู้รับผลประโยชน์จากสวัสดิการต่างๆผู้ติดต่อฉุกเฉิน โดยได้ทราบถึงวัตถุประสงค์และรายละเอียดเกี่ยวกับการเก็บรวบรวมใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านตลอดจนสิทธิตามกฎหมายของท่านที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งบริษัทได้ทำการเก็บรวบรวมใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ในการสมัครงานการฝึกงาน หรือการจ้างงานของท่าน

1.     ประเภทข้อมูลส่วนบุคคลที่เก็บรวบรวม

บริษัทอาจเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลดังต่อไปนี้

1)    ข้อมูลส่วนตัวเช่น ชื่อ นามสกุล ชื่อเล่น ภาพถ่าย เพศ วันเดือนปีเกิด อายุ สถานภาพสมรสจำนวนสมาชิกในครอบครัว สัญชาติ ลายมือชื่อ ข้อมูลบนเอกสารที่ออกโดยหน่วยงานราชการ(เช่น สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน สำเนาทะเบียนบ้าน สำเนาใบเปลี่ยนชื่อ หรือเอกสารที่ใช้ในการระบุและยืนยันตัวตนที่มีลักษณะเดียวกัน)

2)    ข้อมูลเพื่อการติดต่อ เช่น ที่อยู่ตามเอกสารสำคัญ ที่อยู่อาศัยปัจจุบันหมายเลขโทรศัพท์ หมายเลขโทรศัพท์เคลื่อนที่ อีเมล ชื่อหรือบัญชีเข้าใช้งานสำหรับการติดต่อสื่อสารทางอิเล็กทรอนิกส์หรือสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ

3)    ข้อมูลการศึกษาและการทำงานเช่น ประวัติการศึกษา วุฒิการศึกษา ผลการศึกษา สถานศึกษา ประวัติคุณสมบัติโดยย่อ (CV) ความสามารถทางภาษา ทักษะด้านคอมพิวเตอร์ หลักฐานประวัติการทำงาน อายุงานทักษะความสามารถ ผลการทดสอบต่างๆ ประวัติการเรียนรู้การฝึกอบรม  ประกาศนียบัตร ผลการฝึกอบรมผลการประเมินการเรียนการสอน ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพต่างๆ

4)     ข้อมูลทางการเงินเช่น เลขที่บัญชีธนาคาร ข้อมูลรายได้ ข้อมูลการเอาประกันภัยกลุ่มข้อมูลการใช้สิทธิสวัสดิการอื่นๆ ข้อมูลการเสียภาษี

5)     ข้อมูลทางเทคนิคอุปกรณ์หรือเครื่องมือ เช่น หมายเลขประจำเครื่องคอมพิวเตอร์ (IP address หรือ Mac address) คุกกี้ (Cookies ID) ล็อก (Log) ค่าเขตเวลา (Time zone)และสถานที่ตั้ง (Location Data)

6)     ข้อมูลส่วนบุคคลของผู้เกี่ยวข้องเช่น ชื่อ นามสกุล หมายเลขโทรศัพท์ ของบุคคลในครอบครัว ผู้รับผลประโยชน์ผู้ติดต่อฉุกเฉิน ทั้งนี้ในการให้ข้อมูลส่วนบุคคลที่สามแก่บริษัทท่านรับรองและรับประกันว่าท่านมีอำนาจในการกระทำดังกล่าวและอนุญาตให้บริษัทใช้ข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวตามคำประกาศฉบับนี้ นอกจากนี้ท่านยังมีหน้าที่ในการแจ้งให้บุคคลเหล่านั้นทราบถึงคำประกาศฉบับนี้และ/หรือขอความยินยอมจากบุคคลเหล่านั้น

7)    ข้อมูลอื่นๆเช่น ข้อมูลที่ท่านแจ้งแก่บริษัท บันทึกการสื่อสารโต้ตอบผลประเมินการสำรวจความคิดเห็น ข้อมูลการลงทะเบียนเข้าร่วมกิจกรรม บันทึกเสียงภาพถ่าย ภาพเคลื่อนไหว คลิปบันทึกเสียง ภาพนิ่งหรือภาพเคลื่อนไหวจากกล้องโทรทัศน์วงจรปิด(CCTV)

บริษัทอาจเก็บรวบรวม ข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหว (Sensitive Personal Data) ดังต่อไปนี้ เมื่อได้รับความยินยอมโดยชัดแจ้งเว้นแต่กฎหมายกำหนดให้ทำได้

1)     ข้อมูลศาสนาเพื่อใช้เป็นข้อมูลในการบริหารจัดการทรัพยากรบุคคล เช่น การลาทางศาสนาการจัดสวัสดิการที่เป็นไปตามข้อกำหนดทางศาสนา และใช้เป็นข้อมูลในการจัดกิจกรรมต่างๆของบริษัท เช่น การจัดกิจกรรมทางศาสนา

2)     ข้อมูลสุขภาพและความพิการ เพื่อใช้เป็นข้อมูลในการบริหารจัดการทรัพยากรบุคคล เช่น การลาป่วยการใช้สิทธิสวัสดิการ และใช้เป็นข้อมูลในการปฏิบัติตามฎหมายต่างๆ เช่นกฎหมายแรงงาน

3)     ข้อมูลประวัติอาชญากรรมเพื่อใช้เป็นข้อมูลในการบริหารจัดการทรัพยากรบุคคล เช่นการพิจารณารับสมัครคัดเลือกเข้าทำงาน การตรวจสอบคุณสมบัติ การมอบหมายงานหน้าที่ความรับผิดชอบที่เหมาะสม

4)    ข้อมูลชีวภาพเช่น ข้อมูลลายนิ้วมือ เพื่อใช้การรักษาความปลอดภัย เช่นการกำหนดสิทธิการเข้าถึงสถานที่ปฏิบัติงานของบริษัท

บริษัทไม่มีเจตนาที่จะเก็บรวบรวม ใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของผู้เยาว์ คนไร้ความสามารถ หรือคนเสมือนไร้ความสามารถเว้นแต่บริษัทจะได้รับความยินยอมจากผู้ใช้อำนาจปกครอง ผู้อนุบาล ผู้พิทักษ์หรือการใดๆ ซึ่งผู้เยาว์อาจให้ความยินยอมโดยลำพังได้ตามกฎหมาย (แล้วแต่กรณี) และ /หรือดำเนินการภายใต้ฐานทางกฎหมายอื่นๆ

2.     วัตถุประสงค์ในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัทจะเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อการปฏิบัติตามสัญญาเพื่อปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย เพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายเพื่อดำเนินการตามความยินยอม หรือ เพื่อดำเนินการภายใต้ฐานทางกฎหมายอื่นๆโดยมีวัตถุประสงค์ดังต่อไปนี้

1)     เพื่อดำเนินการตามกระบวนการสรรหาและการจ้างงานของบริษัท

2)     เพื่อการบริหารจัดการทรัพยากรบุคคล

3)     เพื่อการจ่ายค่าจ้างหรือผลตอบแทนอื่น

4)     เพื่อการจัดกิจกรรมต่างๆ ของบริษัท

5)    เพื่อการรักษาความปลอดภัยเช่น การกำหนดสิทธิการเข้าถึงสถานที่ปฏิบัติงานของบริษัท การป้องกัน และตรวจสอบการบุกรุก

6)     เพื่อปฏิบัติตามกฎหมายต่างๆเช่น กฎหมายแรงงาน กฎหมายภาษีอากร และกฎหมาย หรือกฎ ระเบียบใดๆที่มีผลบังคับใช้กับบริษัท

3.     การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัทอาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลภายใต้ความยินยอมของท่านหรือภายใต้หลักเกณฑ์ที่กฎหมายอนุญาตให้เปิดเผยได้ แก่ผู้รับข้อมูลส่วนบุคคลดังต่อไปนี้

1)     บริษัทอื่นในกลุ่มธุรกิจของบริษัท

2)     ผู้ให้บริการของบริษัทเช่น ผู้ให้บริการเพื่อสิทธิสวัสดิการพนักงาน ผู้ให้บริการระบบงานภายในของบริษัท ผู้ให้บริการช่องทางการรับชำระเงินผู้ให้บริการสิ่งพิมพ์ ของรางวัล ของที่ระลึก ผู้ให้บริการจัดส่งเอกสารหรือพัสดุ

3)     พันธมิตรทางธุรกิจของบริษัท

4)     ที่ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ หรือผู้ตรวจสอบ เช่น ผู้สอบบัญชี ผู้ตรวจสอบภายนอกที่ปรึกษาด้านกฎหมาย

5)     ผู้รับโอนสิทธิหรือผู้สนใจจะเข้ารับโอนสิทธิของบริษัท

6)     บุคคลตามที่กฎหมายกำหนดเช่น หน่วยงานราชการ

4.     การส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลไปยังต่างประเทศ

บริษัทอาจส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลไปยังบุคคล องค์กรที่ตั้งอยู่ในต่างประเทศ เช่น การส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลไปเก็บไว้บนแพลตฟอร์มคลาวด์หรือเซิร์ฟเวอร์ที่ตั้งอยู่ในต่างประเทศโดยบริษัทจะดำเนินการตามมาตรการต่างๆเพื่อให้มั่นใจว่าการโอนข้อมูลไปยังประเทศปลายทางนั้นมีมาตรฐานการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลอย่างเพียงพอตามที่กฎหมายกำหนด

5.     ระยะเวลาจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัทจะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านในระหว่างที่มีความสัมพันธ์อยู่กับบริษัทหรือตามระยะเวลาที่จำเป็น เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ที่เกี่ยวข้องในนโยบายฉบับนี้โดยบริษัทจะลบ หรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลหรือทำให้เป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวตนได้ เมื่อหมดความจำเป็นหรือสิ้นสุดระยะเวลาดังกล่าว

6.     การรักษาความมั่นคงปลอดภัยข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัทจะรักษาความมั่นคงปลอดภัยข้อมูลส่วนบุคคลไว้ตามหลักการการรักษาความลับ (confidentiality) ความถูกต้องครบถ้วน (integrity) และสภาพพร้อมใช้งาน (availability) เพื่อป้องกันการสูญหายเข้าถึง ใช้ เปลี่ยนแปลง แก้ไข หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลโดยมิชอบ ด้วยการจัดให้มีมาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลที่เหมาะสมซึ่งครอบคลุมถึงมาตรการป้องกันด้านการบริหารจัดการ (administrative safeguard) มาตรการป้องกันด้านเทคนิค (technical safeguard) และมาตรการป้องกันทางกายภาพ (physical safeguard) ในเรื่องการเข้าถึงหรือควบคุมการใช้งานข้อมูลส่วนบุคคล (access control)

7.     สิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล

ภายใต้กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีสิทธิในการดำเนินการดังต่อไปนี้

1)     สิทธิขอถอนความยินยอม หากท่านได้ให้ความยินยอมไว้

2)    สิทธิขอเข้าถึงข้อมูล ท่านมีสิทธิขอเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่อยู่ในความรับผิดชอบของบริษัท และขอให้ทำสำเนาข้อมูลดังกล่าวให้แก่ท่าน  รวมถึงขอให้เปิดเผยการได้มาซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลของท่านได้

3)    สิทธิขอถ่ายโอนข้อมูล ท่านมีสิทธิขอรับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านในกรณีที่บริษัทได้จัดทำข้อมูลส่วนบุคคลนั้นอยู่ในรูปแบบให้สามารถอ่านหรือใช้งานได้ด้วยเครื่องมือหรืออุปกรณ์ที่ทำงานได้โดยอัตโนมัติและสามารถใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลได้ด้วยวิธีการอัตโนมัติรวมทั้งมีสิทธิขอให้บริษัทส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลในรูปแบบดังกล่าวไปยังผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลอื่นเมื่อสามารถทำได้ด้วยวิธีการอัตโนมัติและมีสิทธิขอรับข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลในรูปแบบดังกล่าวไปยังผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลอื่นโดยตรงเว้นแต่ไม่สามารถดำเนินการได้เพราะเหตุทางเทคนิค

4)     สิทธิขอคัดค้าน ท่านมีสิทธิขอคัดค้านการเก็บรวบรวมใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน

5)     สิทธิขอให้ลบหรือทำลายข้อมูล ท่านมีสิทธิขอลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวท่านได้หากท่านเชื่อว่าข้อมูลส่วนบุคคลของท่านถูกเก็บรวบรวม ใช้หรือเปิดเผยโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายที่เกี่ยวข้อง หรือเห็นว่าบริษัทหมดความจำเป็นในการเก็บรักษาไว้ตามวัตถุประสงค์ที่เกี่ยวข้องในนโยบายฉบับนี้หรือเมื่อท่านได้ใช้สิทธิขอถอนความยินยอมหรือใช้สิทธิขอคัดค้านตามที่แจ้งไว้ข้างต้นแล้ว

6)    สิทธิขอให้ระงับการใช้ข้อมูล ท่านมีสิทธิขอให้ระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลชั่วคราวในกรณีที่บริษัทอยู่ระหว่างตรวจสอบตามคำร้องขอใช้สิทธิขอแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลหรือขอคัดค้านของท่าน หรือกรณีอื่นใดที่บริษัทหมดความจำเป็นและต้องลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลของท่านตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องแต่ท่านขอให้บริษัทระงับการใช้แทน

7)    สิทธิขอให้แก้ไขข้อมูล ท่านมีสิทธิขอแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้ถูกต้อง เป็นปัจจุบัน สมบูรณ์และไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด

8)    สิทธิร้องเรียน ท่านมีสิทธิร้องเรียนต่อผู้มีอำนาจตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง หากท่านเชื่อว่าการเก็บรวบรวมใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเป็นการกระทำในลักษณะที่ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง

8.     การแก้ไขเปลี่ยนแปลงประกาศนโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัทอาจแก้ไขเปลี่ยนแปลงนโยบายนี้เป็นครั้งคราวโดยสามารถทราบข้อกำหนดและเงื่อนไขนโยบายที่มีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงนี้ได้ผ่านทางเว็บไซต์ของบริษัท

9.     ช่องทางการติดต่อเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

สามารถติดต่อสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับประกาศนโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลรวมถึงการขอใช้สิทธิต่างๆ ได้ที่

เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัทพรีโมเวิร์ล จำกัด

34ชั้นที่ 2 ซอยพิพัฒน์ ถนนสีลม  สีลม  บางรัก กรุงเทพมหานคร  10500

อีเมล dpo.office@primo.mobi