Copied!
ARTICLE

3 ผลกระทบในปี 2023 ที่ทำให้แบรนด์ต้องมี Enterprise Loyalty Platform

3 ปัจจัยสำคัญในปี 2023 ที่ทำให้แบรนด์ RETAIL & FMCG ทั่วโลกต้องมี Enterprise Loyalty Platform

พี่วีร์ สิรสุนทร ซีอีโอและผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท PRIMO ของพวกเรา ได้ร่วมแชร์ความรู้อัปเดตเทรนด์การตลาดในหัวข้อ ‘Cultivating Customer Loyalty in Retail & FMCG - From Guests to Advocates.’ บนเวที ‘CX & MarTech Stage’ งาน ‘Marketing Oops! Summit 2023’ เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม 2566 เวลา 15.05 – 15.35 น. ณ รอยัล พารากอน ฮอล


ทีม PRIMO ได้ขอเก็บเนื้อหาสำคัญบางส่วนมาฝากผู้ที่พลาดงานนี้และขยายความเพิ่มเติมเพื่อให้เพื่อน ๆ นักการตลาดทุกท่านเข้าใจสถานการณ์ในปัจจุบันและคาดการณ์ผลกระทบที่กำลังจะเกิดเป็นจุดเปลี่ยนให้ต้องปรับกลยุทธ์ทางการตลาดกันใหม่มีด้วยกัน 3 เรื่อง ต่อไปนี้

Cookieless World


1.   Cookieless World | โลกดิจิทัลกำลังจะไร้เศษคุกกี้ให้ตามแกะรอย


แบรนด์ทั่วโลกจะต้องเผชิญสภาวะที่ไม่อาจเก็บ 3rdparty data มาให้เหล่านักวิเคราะห์ข้อมูลและนักการตลาดเจาะใจลูกค้าได้อีกต่อไปเพราะผู้ใช้งานสามารถท่องโลกออนไลน์ผ่านเบราเซอร์อย่างไร้ร่องรอย หากพวกเขายืนกรานไม่ให้เว็บไซต์ใดใดเข้าถึงประวัติเส้นทางของข้อมูลที่แสดงพฤติกรรมการใช้งานส่วนบุคคลของตนได้โดยง่าย

เนื่องจากเกิดการตื่นตัวเรื่อง Data Privacy กันมากขึ้น ผู้คนเข้าใจความเสี่ยงหากเปิดเผยข้อมูลส่วนตัวมากเกินไปจึงเริ่มต่อต้านกันด้วย Ad-Block กระทั่งเกิดกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล General Data Protection Regulation (GDPR) ที่อาจมีชื่อเรียกแตกต่างกันไปในแต่ละประเทศสำหรับทางฟากฝั่งยุโรปและอเมริกาจะมีผลบังคับใช้ภายในปี 2023 ตามที่ทาง Google Chrome ได้เริ่มประกาศแจ้งเตือนมาตั้งแต่ปี 2021 หรืออย่าง Apple ที่เข้มงวดและรัดกุมอย่างมากเรื่องApp Tracking Transparency (ATT) ไม่ให้แกะรอยผู้ใช้งานผ่านแอปพลิเคชันที่ติดตั้งในระบบiOS 14.5 เป็นต้นมา

ดังนั้น ในครึ่งปีแรกของปี 2023 จะเป็นเฮือกสุดท้ายที่แบรนด์โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมค้าปลีก (Retail) และสินค้าอุปโภคบริโภค (FMCG) ต้องตัดสินใจเร่งสร้างระบบสมาชิกบนแพลตฟอร์มของตนเอง หรือ Loyalty Platform ที่ช่วยจัดเก็บข้อมูลของลูกค้า 1stparty data เพื่อรักษาฐานลูกค้าเดิมเอาไว้ เพื่อทำความรู้จักกับลูกค้าของตนให้ดีขึ้นและหาทางรักษาความสัมพันธ์กับลูกค้าให้ยั่งยืน ไม่ให้ห่างหายไปไหนไกล เพราะการจะหาลูกค้ารายใหม่อาจทำได้ยากยิ่งขึ้นหลังจากนี้

สุดท้ายลูกค้าจะยินดีแชร์ข้อมูลของตนให้แก่แบรนด์อย่างยินยอมพร้อมใจเอง หากสามารถจูงใจลูกค้าด้วยสิทธิประโยชน์ที่คุ้มค่าและหลากหลายต่อจากนั้นจะเป็นความท้าทายก้าวต่อมาสำหรับนักการตลาด ว่าจะสามารถใช้ข้อมูลที่มีมาทำ Personalized Marketing หมั่นสร้าง Mission จัดส่งแคมเปญการตลาดที่ถูกใจ ตรงกลุ่มเป้าหมาย ออกแบบการสื่อสารผ่านภาพและถ้อยคำที่ใช่ยิงโฆษณาออนไลน์และออฟไลน์เจาะถูกคน ส่งตรงถึงลูกค้าได้ถูกจังหวะเวลา โน้มน้าวให้ตัดสินใจกลับมาซื้อซ้ำอย่างต่อเนื่องเปลี่ยนลูกค้าขาจรให้เป็นลูกค้าขาประจำได้หรือไม่

หากแบรนด์ไหนยังไม่เตรียมตัวให้พร้อม ยังมัวรีรอก็อาจจะสูญเสียลูกค้าให้แก่คู่แข่งไปอย่างน่าเสียดายหากไม่สามารถทำการตลาดเชิงรุก สร้างประสบการณ์ที่ดี ดูแลเอาใจใส่มอบความรู้สึกพิเศษ เพิ่มความพรีเมียม มอบความพรีวิลเลจให้ลูกค้าจดจำและผูกพันด้วยได้ถ้ายังเผลอสร้างโฆษณาตามรังควานแบบคนไม่รู้ใจ ลูกค้าก็จะหนีหาย หรือเลือกที่จะกด Hide Ads. จากไปแบบถาวร

 

Tech company under pressure

2.   Tech company underpressure | ถึงเวลาต้องทำกำไรเอาใจนักลงทุน

IMF ยืนยันแนวโน้มเศรษฐกิจโลกซบเซาทั่วโลกไว้ในรายงาน World Economic Update เดือนมกราคม 2023 ตรงกับรายงาน Global Economic Prospects ของ World Bank

เราจะเห็นข่าวบริษัทเทคโนโลยี เจ้าของแพลตฟอร์มชื่อดังระดับโลกมากมาย Lay-off พนักงานเพื่อลดต้นทุนอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2022 อย่างเช่น ธุรกิจ eCommerce ค้าปลีกออนไลน์บน Marketplace เจ้าดังของเอเชียอย่าง Shopee ที่มีท่าทีจะร่วง แต่ก็กลับมาทำกำไรหลังเร่งปรับกลยุทธ์ธุรกิจใหม่เปิดรับเงินก้อนใหม่จากนักลงทุน และเริ่มทำรายได้พุ่งทะยานขึ้นกลับมาสู้ในสังเวียนได้ใหม่อีกครั้ง มีแนวโน้มที่ดีในปี 2023 ด้วยการเติบโต 75.6%ในไตรมาส 2 เทียบจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ตามผลการรายงานงบการเงินของ Sea Limited

 

Slow Economy

3.   Slow Economy | ภาวะเศรษฐกิจถดถอยพาโลกธุรกิจซบเซา



ความไม่แน่นอนของโลกยุคใหม่ที่อะไร ๆ ก็ไม่มั่นคง ตั้งแต่สถานการณ์โรคระบาดที่ยังส่งผลให้ภาคการผลิตที่ต้องหยุดชะงักล่าช้าอัตราการจ้างงานต่ำลง ภาวะเงินเฟ้อในสหรัฐอเมริกาที่ทำแบงก์ล่ม ปัญหาสงครามระหว่างยูเครนกับรัสเซียส่งผลให้พลังงานแพง ไหนจะความตึงเครียดระหว่างประเทศมหาอำนาจชาติตะวันตกและตะวันออกที่แสดงท่าทีเฉือนคมกันอยู่เนืองๆกระทบทรัพยากรทางเทคโนโลยีที่ขาดแคลนจากปัจจัยความขัดแย้งทางการเมืองภายนอกประเทศ อีกทั้งในหลายๆ ประเทศก็กำลังก้าวเข้าสู่ ageing society จำนวนประชากรรุ่นใหม่ที่ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจมีอัตราลดลง

ในระหว่างที่แนวโน้มเศรษฐกิจโลกโดยรวมยังทรงตัว และอยู่ระหว่างหาทางฟื้นตัว หากแบรนด์ไหนยังครองใจลูกค้าเดิมไว้ได้ดีก็จะมีแรงกลับตัวได้เร็วกว่าหากดูข้อมูลการเติบโตของกลุ่มสินค้า Luxury คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 33% ต่อเนื่องไปถึงปี 2030

อย่างกลุ่มธุรกิจในเครือ LVMH ในปัจจุบันที่ยังคงทำกำไรอย่างต่อเนื่องได้จากความภักดีของลูกค้าที่มีมาแต่ดั้งเดิม และเพิ่มขึ้นจากการจับเทรนด์ผู้ทรงอิทธิพลต่อคนรุ่นใหม่ผ่านPop Culture โดยใช้กลยุทธ์ดึงศิลปินระดับแม่เหล็กในวงการ K-POPอย่าง BLACKPINK และ BTS เพื่อมุ่งเจาะตลาดเอเชียที่นิยมสินค้าแบรนด์เนม เป็นต้น

ด้วยเหตุผลทั้งหมดนี้ทำให้ 69%ของ Brand Executives ต่างกำหนดกลยุทธ์ด้าน Loyalty Program และเพิ่มการลงทุนใน Loyalty Platform มาตั้งแต่ปี 2019 และ 55%จะเพิ่มเงินลงทุนมากขึ้นอีกในปี 2022-2023 ตามข้อมูลจาก LoyaltyOne เนื่องจากผู้บริหารต่างเห็นผลถึงความคุ้มค่าของ Loyalty Data ที่ทำให้เห็น Loyalty Big Picture


PRIMO หวังว่าผู้ประกอบการและนักการตลาดจะพบโอกาสใหม่ๆ ทางธุรกิจและสร้างความแตกต่างจากคู่แข่งได้ หากใช้ข้อมูลลูกค้าที่มีอยู่ในมือได้อย่างทรงพลังก็อาจพาธุรกิจทะยานขึ้นในอนาคตได้อย่างแน่นอน หวังว่า PRIMO จะมีโอกาสได้ช่วยเหลือทุกท่านในวันหน้านะครับ


หากท่านต้องการปรึกษาผู้เชี่ยวชาญของ PRIMO

สามารถติดต่อเราได้ที่ โทร. 02-234-4203

Email: hello@primo.mobi

Facebook Page: https://www.facebook.com/primoworld/

Company LinkedIn: https://th.linkedin.com/company/primoworld

Sources:

BLOG

More stories